วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Mercedes Benz Ener-G-force

'Mercedes Benz Ener-G-force ได้รับการออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูงของบริษัทในแคลิฟอร์เนีย แนวคิดหลักได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถตำรวจในปี 2025 ของ Mercedes โดยนำเข้ามารวมกับเทคโนโลยีของรถ G-Class ที่ผลิตออกมานับตั้งแต่ปี 1979 

แต่ Ener-G-Force มีลักษณะเหลือเค้าโครงของ G-Class รุ่นปัจจุบันเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงสายพันธ์ุที่สืบทอดต่อกันมา

กุญแจสำคัญที่จะทำให้ Mercedes Benz Ener-G-Force กลายเป็นรถต้นแบบที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งยุคก็คือความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบการขับเคลื่อนอาศัยพลังเชื้อเพลิงจากน้ำรีไซเคิลที่ถูกกักเก็บไว้ด้านบนหลังคา ก่อนที่จะถูกส่งเข้าสู่ระบบ 'Hydro tech Converter' แปลงน้ำให้เป็นไฮโดรเจนสำหรับขับเคลื่อนได้ในระยะราว 800 กิโลเมตรเลย

ส่วนของรายละเอียดเชิงลึกด้านเทคโนโลยียังไม่ได้มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เพียงแค่รายละเอียดแรกที่ได้รับก็ทำให้ Mercedes Benz Ener-G-Force กลายเป็นรถต้นแบบแห่งปี 2013 ที่ตอบสนองในใจนักเลงรถชนิดน่าจับตามองไม่น้อย

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Lamborghini Egoista

Lamborghini เพิ่งฉลองครบรอบ 50 ปี ก็ได้มีการเปิดเผยรถยนต์ต้นแบบล่าสุดอีกครั้งภายใต้ชื่อว่า Lamborghini Egoista Concept ชื่อว่า Egoista นั่นก็เพราะเป็นรถยนต์แบบนั่งได้คนเดียว single-seater (ตามศัพท์ Egoista เป็นภาษาอิตาเลี่ยนแปลว่า "เห็นแก่ตัว") โดยรถยนต์ต้นแบบคันนี้ดีไซต์โดย Walter de Silva โดยได้แรงบันดาลใจในการการออกแบบรถยนต์ต้นแบบคันนี้ได้มาจากเฮลิคอปเตอร์อะปาเช่  Apache helicopter โดยเลือกวัสดุนำหนักเบาในการออกแบบคือ carbon fiber และตัดส่วนที่ทำให้มีน้ำหนักเยอะเกินไปออกบางส่วน เครื่องยนต์สำหรับเจ้า Lamborghini Egoista Concept คันนี้เป็นเครื่องนต์ v10 ขนาด 5.2-liter 600แรงม้า แต่ยังไม่มีแผนที่จะนำเข้าสู่สายการผลิตแต่อย่างใด 






Lamborghini Perdigón

ผลงานการดีไซน์ลัมโบร์กินี่สไตล์เครื่องบินรบนี้ มีชื่อว่า Lamborghini Perdigón ซึ่งเป็นชื่อของวัวกระทิงชื่อดัง เป็นผลงานของนายอองเดรจ จิเรค นักศึกษาด้านการออกแบบยานยนต์ปีสุดท้ายของวิทยาลัยด้านการออกแบบ เมืองพาซาดีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหล่าเครื่องบินรบ เช่น F117 Nighthawk และ F22 Raptor 





วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การปรับแต่งตามหลักอากาศพลศาสตร์จากโปรแกรม Porsche Exclusive ชุดแต่ง Aerokit ใหม่ล่าสุดสำหรับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S)

สตุ้ดการ์ท. ปอร์เช่ เอ็กซ์คลูซีฟ (Porsche Exclusive) นำเสนอชุดแต่ง Aerokit ใหม่ล่าสุดให้กับรุ่น 911 เทอร์โบ (911 Turbo) โดยแพคเกจชุดแต่งนี้จะมาพร้อมกับ แผงสปอยเลอร์หน้าที่โดดเด่น และท้ายรถด้านหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ที่มีทั้งปีกด้านข้างที่ไดรับการออกแบบให้มีมุมเฉพาะเพื่อช่วยในด้านอากาศพลศาสตร์ รวมถึงปีกหลังของรถที่ขยายและพับเก็บได้โดยจะทำการเปลี่ยนองศาไปตามลมที่ปะทะ ลิ้นสปอยเลอร์ด้านหน้าและด้านหลังจะเพิ่มความเป็นสปอร์ตให้กับ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) ได้มากยิ่งขึ้น

 

 

นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของรถแล้ว ปอร์เช่ยังได้เน้นการทำงานตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ โดยการทดสอบชุดแต่ง Aerokit Turbo อย่างหนักจากอุโมงค์ลมและการทดสอบการขับขี่บนสนามแข่งที่ศูนย์พัฒนา Porsche Development Centre ที่เมือง Weissach โดยมีจุดประสงค์หลักในการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และเพิ่มแรงกดให้มากขึ้น ในขณะที่ยังคงค่าสัมประสิทธิเสียดทานไว้ได้อย่างดีเยี่ยมตามแบบฉบับของรถยนต์ปอร์เช่อีกด้วย  และยังเป็นการเน้นย้ำให้มั่นใจว่า Aerokit จะช่วยในการไหลผ่านของลมได้อย่างสมดุลที่สุด ส่งผลให้ 911 ประสิทธิภาพสูงคันนี้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น เช่น ชิ้นส่วนตามหลักอากาศพลศาสตร์ของชุดแต่ง "Aerokit Turbo" จะสร้างแรงกดทางด้านเพลาหน้าและเพลาหลังให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในความเร็วสูง โดยรวมแล้วแรงกดของ 911เทอร์โบ (911 Turbo) ขณะความเร็วที่ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจาก 17กิโลกรัม เป็น 26 กิโลกรัม เมื่อตั้งค่าที่ Speed และจาก 18 กิโลเมตร เปน 150กิโลกรัม เมื่ออยู่ในการตั้งค่าที่ Performance

 

ท่านสามารถเลือกสั่งชุดแต่ง "Aerokit Turbo" ได้ 2 รูปแบบ นั่นคือเลือกติดตั้งให้เป็นสีเดียวกับตัวรถหรือเลือกเป็นสีดำแบบพ่นเงา และยังทำการพ่นสีสเกิร์ตด้านข้างและแผงด้านหลังที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถด้วย หากตัวรถเป็นสีดำแผ่นครีบช่องดักอากาศบนฝาท้ายได้รับการออกแบบเป็นสีดำเพื่อความเหมาะสมกับปีกหลังที่จะขยายออกมาด้วยเช่นกัน 

 

ชุดแต่ง Aerokit สำหรับ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) สามารถเลือกสั่งได้ผ่านทาง Porsche Exclusive หรือสามารถติดตั้งที่หลังได้โดยผ่านโปรแกรมชุดแต่ง Porsche Tequipment 

ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 13.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.57 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบนอกเมืองอยู่ที่ 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร (13 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.30 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซ (CO2 ) อยู่ที่ 227 กรัม/กิโลเมตร






เบนท์ลี่ย์ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดจาก WIRED MAGAZINE

(เมือง Crewe,) เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล GT3-R (Bentley Continental GT3-R) สมาชิกครอบครัวคอนติเนนทัล (Continental) แกรนด์ ทัวเร่อร์ (Grand tourer) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถที่มีความคล่องตัวที่สุด ชนะการโหวตจากนิตยสาร Wired magazine ฉบับพิเศษประจำปี

 

วารสารฉบับพิเศษนี้มีทั้งหมด 15 หน้าและจัดทำขึ้นทุกๆ เดือนธันวาคมเพื่อทำการสรรหาที่สุดของการออกแบบ (Design), เสียง และ ภาพ (Vision & Sound), การขับขี่ (Rides), สปอร์ต และ สันทนาการ (Sport & Leisure), นาฬิกา (Watches) และสิ่งเหล่านี้จะกลายมาเป็นรายการ     Wired list ของสินค้าที่ได้รับการจัดอันดับว่าดีที่สุดระหว่างปีอีกด้วย

 

Jeremy White Product Editor กล่าวไว้ว่า เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3อาร์                 (Bentley Continental GT3-R) ได้ถูกจัดไว้ในกลุ่มRides เพราะพวกเราคิดว่าสิ่งนี้คือผลงานนวัตกรรมชั้นเยี่ยมและหรูหราอย่างแท้จริง ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์การแข่งขันที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ ผสมผสานเข้ากับชิ้นส่วนต่างๆ ที่ทันสมัย เสริมทัพด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ ทำให้กลายมาเป็นรถสปอร์ตที่โดดเด่นเช่นนี้

 

เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3อาร์ (Bentley Continental GT3-R) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Goodwood Festival of Speed ซึ่งเป็นรถที่มีอัตราเร่งที่เร็วที่สุดที่เบนท์ลี่ย์เคยมีมา ได้รับแรงบันดาลใจจากการชนะการแข่งขันเบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3)มาพร้อมกับเครื่องยนต์รถแข่งขนาด 4.0 ลิตร V8 ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 580 PS แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตันเมตร ลดลงมาได้อีก 100 กิโลกรัม และยังสามารถปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังให้มีการเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

 

เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3 (Bentley Continental GT3-R) มีจำนวนการผลิตเพียง 300 คัน สร้างขึ้นจากงานฝีมือที่เมือง Crewe จากนั้นจะเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตที่แผนกมอเตอร์สปอร์ตของเบนท์ลี่ย์

 

เดือนกุมภาพันธ์ 2015 เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3อาร์ (Bentley Continental GT3-R) จะไปขับขี่อยู่บนถนนน้ำแข็งที่ประเทศฟินแลนด์ในงาน Power on Ice เพื่อเพิ่มประสบการณ์เหนือระดับอย่างหาใครเปรียบเทียบไม่ได้ และแนวคิดของการขับขี่ที่เต็มพิกัดบนทางน้ำแข็ง ทำการขับขี่โดย     Juha Kankkunen แชมป์รายการ World Rally Champion ถึง สมัยซ้อนเลยทีเดียว




วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มหาชนเทใจโหวตพริทที “ฮอนดา” คว้ารางวัล Motor Expo Smart Pretty Vote 2014

ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป มอบรางวัลแก่พริททีที่ชนะการประกวด “MOTOR EXPO Smart Pretty Vote 2014 ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31 ณ ห้อง รอยัล จูบีลี อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้

ผลการประกวด “Motor Expo Smart Pretty Vote 2014 ผู้ที่ได้รับคะแนนโหวสูงสุดผ่านทางคูปอง อันดับ1 ภัทรานิษฐ์ อภิโชติภพนิพิฐ(หนูนาจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทยจํากัด รับรางวัลทองคำหนัก 3 บาท มูลค่าประมาณ 60,000 บาท อันดับ2 นงรัตน์ สุทธาพร (กุ๊กไก่จาก บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์จํากัด รับรางวัลทองคำหนัก 1 บาท มูลค่าประมาณ 20,000 บาท และอันดับ3 ณัฐณา ธนาชาติเวทย์ (อาร์มจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทยจํากัด รับรางวัลทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่าประมาณ 10,000 บาท  

ส่วนรางวัล ขวัญใจ โซเชียล เน็ตเวิร์ค ได้แก่ นงรัตน์ สุทธาพร(กุ๊กไก่จากบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จํากัด รับรางวัลทองคำหนัก บาท มูลค่าประมาณ 20,000 บาท